วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

Law of Attraction เมื่อกฏแห่งแรงดึงดูดทำงานให้ฉัน

Law of Attraction
                กฎแห่งแรงดึงดูด ฉันเชื่อว่าเมื่อใครได้อ่านมาถึงบทความนี้คงจะต้องเคยได้ยิน ได้ฟังถึงคำนี้บ่อยๆ บางคนแม้แต่เคยลองใช้ เพราะอยากรู้ว่ามันทำงานอย่างไร แต่แล้ว...เราก็ยักไหล่บอกตัวเองว่า นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมีอยู่จริง มันเป็นเรื่องหลอกทางจิตวิทยาเพียงเพื่อให้เราเป็นคนคิดบวกเท่านั้น
                ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยคิดแบบนั้น แม้ฉันจะเชื่ออยู่ลึกๆในใจก็ตามว่า มันต้องมีบางสิ่งที่มีนัยสำคัญซ่อนอยู่ ไม่เช่นนั้นคนทั้งโลกคงจะไม่ตื่นเต้นกับกฎที่ว่านี้ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่ฉันว่างแบบว่างเปล่า (ถ้าคุณเคยอ่านบล็อกของฉัน คุณคงรู้ว่าฉันตกงาน ถังแตกและมีเวลาว่างอย่างเหลือล้น) ฉันได้มานั่งทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของฉัน ฉันคิดถึงวิธีการตัดสินใจของฉัน ความเชื่อมั่นในตัวเองและความดื้อรั้นของฉัน ทำให้ฉันมีวันนี้ วันที่ฉันล้มทั้งยืน
                ฉันไม่เคยยอมรับกับตัวเองมาก่อนเลยว่าปัญหาใหญ่หลวงตรงหน้าคือความรับผิดชอบเต็มๆของฉัน ที่ผ่านมาฉันต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างมากเพื่อพยายามหาทางรักษา “สถานภาพทางสังคมและธุรกิจ” ของฉันไว้อย่างที่สุด ฉันไม่อาจจะยอมรับได้ว่าฉันหมดตัวและพ่ายแพ้ แม้สัญญาณทางธุรกิจจะส่งสัญญาณมาให้ฉันรับรู้อยู่เสมอๆ ทั้งที่ฉันไม่ต้องการฟัง ชีวิตช่วงนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยยาก ลำบาก ฉันต้องขอกู้เงินทุกธนาคารที่พอจะยอมรับเครดิตฉัน ยืมเงินแม่ ครอบครัว เพื่อนและทุกคนที่รู้จักเพื่อพยุงกิจการด้วยความหวังว่า สักวันมันจะดีขึ้น แต่สุดท้ายฉันจำต้องยอมแพ้ต่อโชคชะตาด้วยหัวใจที่แตกสลาย
                แต่ถึงกระนั้น ฉันยังไม่วายโทษโชคชะตา ฉันเชื่อว่าเพราะกรรมเก่าที่ฉันเคยทำ ฉันเชื่อว่าฉันเกิดมาพร้อมกับความโชคร้ายและปัญหาการเงิน ฉันโทษทุกอย่างในทุกสิ่งรอบตัว ยกเว้น “ตัวฉันเอง” ฉันมองว่าตัวเองเป็นเหยื่อที่น่าสงสารของโชคชะตา แล้วฉันก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ
                จนกระทั่งวันที่ฉันว่างเปล่าและยอมรับกับตัวเองว่า ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเลือกเองต่างหาก ทันทีที่ฉันยอมรับกับตัวเองว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากตัวฉันเองคนเดียว นาทีนั้นฉันรับรู้ทันที ความตึงเครียดตลอดระยะเวลาหลายปี ความกลัวต่ออนาคตข้างหน้าที่จะไม่มีเงินใช้จ่ายในชีวิตได้หายไป มันโล่งว่างทันที
                ความรู้สึกที่ปรากฏในขณะนั้นคือ ฉันตัดสินใจผิด ฉันผิดพลาดแล้วทั้งหมด มันเป็นเพียงแค่เหตุการณ์ๆหนึ่งในชีวิตเท่านั้น แต่ฉันยังมีลมหายใจ ฉันยังมีชีวิตแล้วทั้งชีวิตที่เหลืออยู่คือตัวฉันเอง ฉันตั้งคำถามกับตัวฉันเองว่า ฉันจะเดินหน้ากับชีวิตที่เหลืออยู่อย่างไรถ้าฉันยังจมปลักกับความคิดที่มืดมน ฉันจึงให้อภัยกับตัวเอง ฉันพูดคุยกับตัวเองเหมือนคนบ้าถ้าจะมีใครสักคนมาเห็นนะ
คุณลองคิดดูซิว่าที่ผ่านมาฉันเคยให้คำปรึกษา ให้คำปลอบโยนคนอื่นๆเสมอแต่ฉันไม่เคยปลอบโยนตัวเองเลย ฟังดูเหลือเชื่อมากๆที่คุณรักใครสักคนมากๆแต่คุณคอยแต่ก่นด่าบ่นพำถึงความโง่ ความงี่เง่าของคนนั้น คุณว่าไหม เรารักตัวกลัวเจ็บกลัวตายมากที่สุด แต่ในยามที่เรากำลังเผชิญปัญหา เรากลับเอาแต่นั่งด่าตัวเองให้เจ็บปวด น่าตลกและไม่สร้างสรรค์เอาเสียจริงๆ
ฉันบอกตัวฉันเองว่า ฉันไม่ได้จนนะ แค่ถังแตก การเป็นคนจนมันเป็นกรอบที่คนกำหนดขีดเส้นแบ่งระหว่างความสำนึกถึงเงินมากเงินน้อยที่มีอยู่ในตัวคนคนหนึ่งเท่านั้น ฉันไม่ใช่คนที่ใครจะมาขีดกรอบได้ นี่เป็นแค่สถานการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตเท่านั้น แล้วคืนนั้นฉันก็หลับสบายกว่าคืนอื่นๆตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อฉันปล่อยให้ความรู้สึกเป็นทุกข์ออกไป ชีวิตฉันจึงมีที่ว่างสำหรับสิ่งใหม่ๆ ฉันเริ่มอ่านหนังสือทุกเล่มที่ฉันมีในชั้นหนังสือ ซึ่งจะเป็นหนังสือฮาวทูอะไรต่อมิอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นฮาวทูเพื่อความร่ำรวย มั่งคั่ง ทั้งที่ฉันเคยอ่านมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ครั้งนี้กลับให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป เพราะเมื่อก่อนฉันคิดว่าทั้งหมดที่พูดในหนังสือจิตวิทยาพวกนี้ก็เพียงเพื่อให้คนคิดบวกเท่านั้น
ฉันคิดอย่างหลงตัวเองว่านั่นมันเป็นแค่หลักการ ชีวิตและธุรกิจต่างหากที่เป็นของจริง ฉันอายุเพียง 28 ปีในตอนที่เริ่มธุรกิจแล้วฉันก็ทำเงินล้านได้ในหนึ่งปีโดยที่ฉันไม่เห็นต้องใช้กฏอะไรต่อมิอะไรอย่างที่ว่าไว้ในหนังสือเหล่านี้เลย ฉันจึงอ่านผ่านๆเพียงเพื่อให้รู้ว่าทั้งหมดต้องการจะบอกอะไร เพื่อที่เวลาคุยกับคนอื่นๆ ฉันจะบอกได้ว่าฉันอ่านมาแล้ว (มันฟังดูดีที่อ่านหนังสือดังๆ) ฉันคิดแบบนั้นจริงนะในตอนนั้น
แต่วันนี้ความคิดฉันเปลี่ยนไป ฉันอ่านทุกถ้อยคำในหนังสืออย่างดิ่งลึกและแสวงหาคำตอบบางอย่างที่จะเป็นแสงสว่างให้กับชีวิตฉัน แล้วฉันก็ได้พบและรู้จัก “ Law of Attraction” ฉันอ่าน ศึกษามันในหนังสือทุกเล่มที่กล่าวถึงมัน ในอินเตอร์เน็ต และพูดคุยสอบถามคนทุกคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับกฎนี้
มันเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตฉัน
ฉันเริ่มสำรวจความคิดของตนเอง แล้วฉันก็พบว่าในทุกๆช่วงของชีวิต กฎแห่งแรงดึงดูดทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แบบเสมอ มันเป็นการจับคู่ของสิ่งที่มีพลังงานเดียวกัน ไม่ว่ามันจะเป็นพลังงานดีหรือลบก็ตาม
กฎแห่งแรงดึงดูดทำหน้าที่เป็นกฎแห่งจักรวาลที่มีพลังดึงดูดุจแม่เหล็กและทำงานตลอดเวลา ไม่ว่าจะยามหลับยามตื่น ไม่ว่าคุณจะปล่อยพลังงานความคิดของคุณไหลไปยังสิ่งที่คุณต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม แค่คุณสนใจหรือเพ่งความคิดไปสู่สิ่งนั้นๆ คุณจะดึงดูดสิ่งนั้นๆเข้ามาในชีวิตคุณ
ฉันเริ่มทดลองฝึกการใช้กฎแห่งแรงดึงดูดในชีวิตจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ เช่น การหาที่จอดรถในทันทีที่รถฉันเข้าไปถึงลานจอดรถ มันได้ผลและได้ผลอย่างต่อเนื่อง ฉันจึงขยับไปสู่เกมที่ใหญ่มากขึ้นๆ จนกระทั่งถึงวันนี้ที่ฉันอุทานกับตัวเองว่า “โอ้ว ชีวิตช่างเป็นเรื่องง่ายเสียเหลือเกิน” ถ้าเพียงแต่คุณรู้ว่าทำอย่างไร
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ที่คุณจะมีทุกอย่างที่คุณต้องการ ใช้ชีวิตอย่างที่คุณปรารถนา อยู่ในสถาการณ์ที่สมบูรณ์แบบอย่างง่ายดายและที่สำคัญวิธีการของมันเรียบง่ายจนเหลือเชื่อ
 เรื่องราวที่จะเอ่ยถึงจากนี้ไปจะเป็นการรวบรวมวิธีการที่เป็นรูปธรรมจากการอ่าน จากประสบการณ์จริงของฉันและเพื่อนๆ ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงเพื่อดึงดูดชีวิตที่คุณต้องการ
แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำตามข้อทุกข้อที่เอ่ยถึงในบทความนี้อย่างเคร่งครัด อย่าจำกัดกรอบให้กับตัวเอง จงสนุกและตระหนักว่ากฎแห่งแรงดึงดูดกำลังทำงานเพื่อคุณเสมอ แล้วสนุกกับความฝันของคุณต่อไป





วิธีการทำงานของกฎแห่งแรงดึงดูด
กฎแห่งแรงดึงดูดมีหลักการที่สำคัญว่าด้วย “พลังงานที่เหมือนกันย่อมดึงดูดซึ่งกันและกัน”  ลองมาฟังเรื่องนี้ดู ฉันรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อนิรมล ฉันรู้จักเธออย่างบังเอิญ นิรมลเป็นคนที่คิดเสมอว่าโลกโหดร้าย ผู้คนเห็นแก่ตัวและจ้องจะเอาเปรียบเธอ น่าแปลกใจที่เธอเองก็มักได้สินค้าไม่ดี สินค้ามีตำหนิเสมอๆในการซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างเพื่อตอกย้ำความเชื่อของเธอที่ผู้คนเอาเปรียบและเห็นแก่ตัวกับเธอ
 นอกจากนั้นเธอยังมีไม่ศรัทธาในตนเองมากพอ ขนาดที่ว่าหากในวงสนทนามีการพูดถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลว่าไม่เก่ง ไม่ฉลาดหรือฟังดูโง่ เธอมักจะคิดสร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองเสมอว่า ทุกคนกำลังจงใจต่อว่าเธอเป็นนัยๆ ทั้งที่บางทีไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอเลย แต่เธอยังดึงดูดสิ่งเหล่านี้เข้ามาสู่ตัวเองจนได้
นอกจากนั้น เธอมีชีวิตครอบครัวที่ไม่เป็นสุขเพราะเธอมีปมปัญหาชีวิตที่ขัดแย้งจากพ่อและแม่ของเธอจนชีวิตคู่เธอก็เป็นแบบที่พ่อแม่เธอเป็น เพราะเธอเชื่อและเห็นจากชีวิตคู่ของพ่อและแม่ เพื่อสนองต่อความคิดของเธอว่า เธอคือเหยื่อแห่งชะตากรรม ถูกเอาเปรียบ ไม่มีเพื่อนดี ไม่มีชีวิตคู่ดี และอื่นๆอีกหลายอย่างเท่าที่ความคิดลบๆจะดึงดูดสิ่งเหล่านั้นเข้ามาในชีวิตเธอได้
เมื่อความคิดของคุณมักพัวพันกับสิ่งที่คุณเรียกมันว่า “เหยื่อแห่งชะตากรรม” คุณก็มักพบแต่ชะตากรรมที่โหดร้ายกระหน่ำคุณอย่างไม่ปรานี เช่นนิรมล
ดังนั้นหากคุณคิดว่าทุกเหตุการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของคุณ คุณเป็นผู้ถูกกระทำ คุณจะต้องกลายเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่คุณคิด สิ่งที่คุณรู้สึกจับคู่กันเสมอ ลองตรวจสอบดูว่าคุณคุ้นๆกับคำเหล่านี้บ้างไหม
·       เพราะฉันไม่ได้เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย ฉันจึงต้องมีชีวิตไม่ร่ำรวยแบบที่พ่อแม่ฉันเป็น
·       ฉันต้องมีเงินมากกว่านี้ ฉันจึงจะมีสิ่งนั้นได้
·       ฉันไม่มีทางมีเงินพอหรอก เพราะฉันมีแต่หนี้สิน แค่ประคองตัวเองไปถึงสิ้นเดือนก็ดีถมไป
·       ฉันจะถูกหุ้นส่วนโกงไหม
·       เจ้านายฉันคอยจ้องจะจับผิดฉันเสมอ
·       ฉันไม่กล้าทำสิ่งนี้ เพราะถ้าเกิดล้มเหลวขึ้นมา ฉันจะไม่เหลืออะไร
·       ฉันไม่มีทางรวยได้ เพราะฉันไม่เคยโกง คนโกงมักร่ำรวยเสมอดูอย่างนักการเมืองสิ
·       ความอยากได้ อยากมีเป็นความโลภ เป็นบาป เป็นกิเลส ฉันต้องพอใจในสิ่งที่มี
·       ถึงฉันจะยากจน แต่ฉันไม่เคยเอาเปรียบใคร แล้วฉันมักถูกเอาเปรียบเสมอๆ
·       เงินทองหายาก
·       ฉันไม่ประสบความสำเร็จก็เพราะฉันไม่มีโอกาส ไม่มีเส้นสาย
·       เพราะฉันไม่ได้เรียนคณะดังๆ ฉันจึงหางานที่มีผลตอบแทนสูงๆไม่ได้
·       ฉันไม่ค่อยมีทางเลือกในชีวิตมากนัก
·       ฉันไม่มีเวลาพอสำหรับสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะทำหรอก
·       ฯลฯ

ฉันอยากให้คุณลองมองย้อนกลับไปในแง่มุมต่างๆของชีวิตของคุณที่ผ่านมา ชีวิตคุณเป็นเรื่องของความยากลำบากไหม เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ท้อแท้ เคียดแค้น โกรธเกลียดหรือเต็มไปด้วยความสงบ ผ่อนคลาย สบายๆ เบิกบาน
แล้วลองจับคู่ความคิดความรู้สึกของคุณเชื่อมโยงกับสถานการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของคุณดู สำรวจดูว่ามันเป็นพลังงานบวกหรือพลังงานลบ แล้วคุณจะพบว่ากฎแห่งแรงดึงดูดมีพลังงานครอบคลุมชีวิตคุณตลอดเวลาและทำงานตลอดเวลา สิ่งใดก็ตามที่คุณคิด คุณรู้สึก คุณจะได้รับสิ่งนั้นๆในชีวิตคุณเสมอ
คราวนี้ลองมองดูสถานการณ์ในชีวิตคุณปัจจุบัน สังเกตดูความเชื่อมโยงของความคิดคุณในขณะนี้ ถ้าคุณกำลังมีชีวิตที่อยู่ห่างไกลจากจุดที่คุณใฝ่ฝันความคิดของคุณเชื่อมโยงกับสิ่งๆนี้หรือเปล่า เช่นคุณกำลังมีปัญหาเรื่องเงิน ลองสำรวจความคิดของคุณดูว่า คุณคิดว่าเงินทองเป็นของหายาก เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคุณหรือเปล่า แล้วความคิดนี้ยังคงเป็นเรื่องยากลำบากและเป็นปัญหาในชีวิตคุณจนถึงทุกวันนี้ใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณจะเปลี่ยนแปลงมันอย่างไร
สิ่งแรก คุณต้องเข้าใจว่าไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่คุณคิด คุณจะดึงดูดมันเข้ามาในชีวิตคุณเสมอ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่แห่งไหนในจักรวาลนี้ กฎนี้ทำงานเสมอ มันแป็นกฏฟิสิคส์ อนุภาคของความคิดสร้างปรากฏการณ์ที่เป็นจริงในชีวิตโดยไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อคุณรับรู้ถึงกฎนี้และการทำงานของมันในชีวิตคุณ คุณจะควบคุมมันได้อย่างง่ายดาย วิธีการน่ะเหรอ มีเพียงสองข้อ
ข้อแรก หมั่นถามคำถามกับตัวเองเสมอว่าคุณกำลังคิดอะไร ตรวจดูให้รอบด้านโดยไม่ใส่ความเชื่อที่เคยถูกปลูกฝังในหัวคุณมาในอดีต สิ่งที่คุณกำลังคิดนั้นเป็นลบหรือบวก ถ้าเป็นลบจงจงใจที่จะเปลี่ยนมันทันทีที่ความคิดลบปรากฏตัวขึ้นในหัวสมองคุณ
ข้อสอง นึกถึงแต่สิ่งที่คุณต้องการ อย่านึกถึงสิ่งที่คุณไม่ต้องการ เช่น
ความคิดที่ไม่ต้องการ : ฉันอยากให้หนี้สินที่ฉันมีอยู่หายไปจากชีวิต มันทำให้ฉันเป็นทุกข์และกังวลใจ
ความคิดที่ต้องการ : ฉันรู้สึกมีความสุขมากและรู้สึกขอบคุณที่เงินทองกำลังหลั่งไหลมาสู่ฉันอย่างมากมาย
ง่ายจนเกินกว่าจะเชื่อใช่ไหมคะว่าแค่หมั่นสำรวจความคิดของคุณ แล้วกฎแห่งแรงดึงดูดจะค่อยๆเผยโฉม นำสิ่งที่คุณต้องการในชีวิตเข้ามาสู่คุณทีละน้อยๆ จนทุกอย่างในชีวิตคุณจะง่ายขึ้นๆ อาจจะเพราะความเรียบง่ายของมันจึงทำให้ใครหลายๆคนไม่เชื่อว่ามันจะทำงานได้จริง อย่างที่ฉันเคยเป็นในอดีต
ขอแค่สนุกและรู้สึกถึงความคิดของคุณอย่างมีสติตลอดเวลา แล้วคุณจะพบว่ากฏแห่งแรงดึงดูดคือของขวัญจากจักรวาลที่มอบให้กับมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้
เกมที่ 1
เรามาเล่นเกมมาวางพื้นฐานชีวิตคุณใหม่เสียเดี๋ยวนี้กันเลย หาสมุดสวยๆพร้อมกระดาษเขียนจดหมาย ซอง แสตมป์ เมื่อคุณพร้อมแล้วเราเริ่มลงมือกันเลย
หาที่เงียบๆที่ไม่มีใครมารบกวนคุณได้ สำรวจตัวเอง คุณต้องการเป็นอะไร คุณฝันอยากมีชีวิตแบบไหน คุณอยากมีอะไร จงนั่งลงแล้วหลับตาเบาๆ ผ่อนคลาย จินตนาการว่าถ้าคุณมีพรวิเศษ คุณจะบันดาลให้เกิดอะไรในชีวิตคุณบ้าง
เริ่มปล่อยความคิดคุณให้ล่องลอยเหมือนคุณเป็นเด็กอีกครั้ง นึกถึงอะไรที่ทำให้คุณเป็นสุขจงเขียนมันลงไปในสมุดเล่มสวยๆนี้ที่คุณจะอ่านทบทวนมันได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ปล่อยให้ความปรารถนานำทางคุณโดยไม่มีข้อจำกัด ไม่ต้องมีความคิดที่เป็นไปไม่ได้(แม้คุณจะแอบแวบไปคิดสักวินาทีก็จงดึงกลับมาอย่างสงบ มีความสุขกับความคิดคุณต่อ) คุณอาจจะเขียนเป็นข้อๆก็ได้ ทบทวนมันอีกครั้งว่านี่ใช่สิ่งที่คุณต้องการจริงๆหรือยัง คุณอาจจะอยากมีบ้านขนาดห้าห้องนอนแต่คุณคิดว่าแค่บ้านสามห้องนอนก็ดีพอแล้ว จงลบมันทิ้งแล้วเขียนสิ่งที่คุณต้องการจริงๆลงไป กฏจักรวาลไม่เคยคิดและตัดสินว่าคุณคู่ควรกับอะไรหรือไม่คู่ควรกับอะไร

เกมที่สอง
ให้เขียนจดหมายถึงตัวเองในอีกหนึ่งปีข้างหน้า บรรยายถึงชีวิตของคุณในอีกหนึ่งปีข้างหน้าว่าคุณจะมีชีวิตอย่างไรจากความปรารถนาทั้งหมดของคุณแล้วใส่ซอง ปิดผนึก ติดแสตมป์ คุณอาจจะไปฝากเพื่อนสักคนที่เข้าใจคุณให้เขาช่วยส่งจดหมายฉบับนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า(ถ้าคุณไม่มีใครที่ไว้ใจพอ คุณอาจจะส่งมาให้ฉันก็ได้ค่ะ ฉันยินดีที่จะเก็บรักษาจดหมายคุณไว้แล้วส่งให้คุณในอีกหนึ่งปีข้างหน้า)  แล้วดูซิว่า ชีวิตคุณจะเปลี่ยนแปลงเช่นไร ว้าว ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม ลองคิดดูซิว่าคุณจะรู้สึกเช่นไรขณะที่คุณอ่านจดหมายฉบับนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าแล้วข้างๆคุณคือสิ่งที่คุณระบุในจดหมายนั้นด้วยซิ

 ตอนหน้า เราจะพูดถึง “อย่างไร” กันค่ะ